การประชุม G7 ที่จัดขึ้นในเมืองฮิโรชิมะของญี่ปุ่นเริ่มขึ้นแล้วเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา ก่อนการพูดคุยจะเริ่มต้น ผู้นำของ 7 ชาติสมาชิกได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี พร้อมด้วยตัวแทนจากคณะกรรมมาธิการยุโรปร่วมกันวางพวงหรีดไว้อาลัยให้แก่เหยื่อผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ทิ้งใส่ญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

“เซเลนสกี” เตรียมเยือนญี่ปุ่น ร่วมประชุมผู้นำ G7

ญี่ปุ่นยกระดับความปลอดภัยในฐานะเจ้าภาพ G7

จากนั้นผู้นำชาติสมาชิก G7 ชมอนุสรณ์สถานประจำสวนสันติภาพ ซึ่งเป็นซากของอาคารจริงในเมืองฮิโรชิมะที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด

ตามด้วยการร่วมปลูกต้นไม้ลงในสวน สัญลักษณ์ของการฟูมฟักความสัมพันธ์ระหว่างนานาประเทศให้งอกงามเติบโต

นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ตั้งใจเลือกเมืองนี้เป็นสถานที่จัดการประชุม ไม่เพียงแต่ฮิโรชิมะเป็นเมืองที่ผู้นำญี่ปุ่นเกิดและเติบโตขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังต้องการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ถึงความสำคัญของการลดอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

นิวเคลียร์กลายมาเป็นวาระสำคัญ เนื่องจากสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ส่งผลให้หลายฝ่ายกังวลว่า อาวุธนิวเคลียร์อาจถูกนำมาใช้โจมตี และที่ผ่านมาประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียก็เคยออกมาพูดเป็นนัยข่มขู่ทำนองนี้มาแล้ว

นิวเคลียร์น่ากลัวแค่ไหน ผู้คนยังคงจดจำ ย้อนไปวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ชื่อว่า Little Boy ลงใส่เมืองฮิโรชิมะ แรงระเบิดและความร้อนมหาศาลคร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นมากถึง 350,000 ราย

จากนั้นในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 สหรัฐฯ ก็ทิ้งระเบิด Fat Man ระเบิดปรมาณูอีกลูกใส่เมืองนางาซากิ คร่าชีวิตคนอีก 74,000 ราย จำนวนนี้เป็นแค่ตัวเลขประมาณการณ์เท่านั้น ความเสียหายที่แท้จริงอยากจะประเมิน และยังมีคนอีกมากที่เจ็บป่วยและพิการจากผลกระทบของรังสี

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเมืองฮิโรชิมะและนางาซากิ นับเป็นครั้งแรกที่โลกได้ประจักษ์ถึงอันตรายของอาวุธนิวเคลียร์

ข้ามเวลามาปัจจุบัน นิวเคลียร์ในวันนี้ทรงพลังและมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างที่น่ากลัวกว่าระเบิดปรมาณูที่ทิ้งใส่ญี่ปุ่นหลายเท่าตัว ประเด็นนี้จึงเป็นวาระสำคัญที่นานาชาติต้องร่วมกันประชุมเพื่อป้องกันไม่ให้หายนะเกิดขึ้น

หายนะที่ว่าทาง G7 ระบุว่าไม่ว่าจะมาจากความตั้งใจ ความผิดพลาด หรืออุบัติเหตุล้วนอันตรายทั้งสิ้น และหายนะนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะรัสเซียเท่านั้น เพราะในพื้นที่อื่นๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดหายนะขึ้น เช่น ที่คาบสมุทรเกาหลี ประเทศเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์บ่อยครั้ง หรือที่ภูมิภาคตะวันออกกลาง อิหร่านก็กำลังเดินหน้าพัฒนาอาวุธและสะสมยูเรเนียม

กลุ่มประเทศ G7 ให้คำมั่นว่าทุกชาติสมาชิกจะสนับสนุนสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ สนธิสัญญานี้มีความสำคัญตรงที่จะเป็นหลักประกันว่านานาชาติจะไม่ขวนขวายหรือเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์ของตน เพื่อปูทางไปสู่อนาคตในการลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งต้องติดตามกันว่า การประชุมตลอดสามวันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคมจะมีแนวทางใดออกมาบ้าง

ส่วนในประเด็นสงคราม ชาติสมาชิกของ G7 ทุกชาติล้วนสนับสนุนอธิปไตยของยูเครน ตลอดจนส่งอาวุธและเงินสนับสนุนให้

ประเด็นหลักเกี่ยวกับสงครามยูเครนที่ชาติสมาชิก G7 จะต้องหารือครอบคลุมตั้งแต่ การขัดขวางรัสเซียไม่ให้เข้าถึงบรรดาวัสดุและยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นที่จะเสริมศักยภาพของรัสเซียในสนามรบ รวมถึงยังต้องหานโยบายที่จะอุดช่องโหว่เพื่อให้รัสเซียได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรมากที่สุด

ด้านรายงานจากริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรระบุว่า ในมาตรการคว่ำบาตรที่ทาง G7 จะเพิ่มเข้ามาจะรวมถึงการประกาศแบนสินค้าประเภทเพชรจากรัสเซีย และแบนการนำเข้าแร่สำคัญอย่าง เหล็ก ทองแดง อะลูมิเนียม และนิกเกิล

นอกเหนือจากนั้นเป็นการเพิ่มรายนามของบุคคลและบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนการทหารรัสเซียในสงคราม ซึ่งล่าสุดสหราชอาณาจักรระบุว่ามีบุคคลและองค์กรอีก 86 รายชื่อที่กำลังจะถูกคว่ำบาตรจากพันธมิตรชาติตะวันตก

มีรายงานในวันนี้ว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมในวันอาทิตย์นี้ด้วย

ยูเครนไม่ใช่ชาติสมาชิก G7 ก็จริง แต่ที่ผ่านมา การประชุมมักเปิดให้บางชาติสามารถเข้าร่มประชุมหรือสังเกตการณ์ได้ เช่นในปีนี้นอกจากยูเครนแล้วยังมีสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย บราซิล อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และเวียดนามเข้าร่วม ซึ่งทั้งหมดเป็นชาติที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ด้านสถานการณ์การสู้รบ ตลอดสัปดาห์นี้รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนจำนวนมาก จากภาพคือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านซีร์คูนี หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองคาร์คีฟ การโจมตีทางอากาศส่งผลให้บ้านหลายหลังได้รับความเสียหาย มีผุ้เสียชีวิตหนึ่งราย และผู้ได้รับบาดเจ็บอีกสองราย

ส่วนเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงงาน หลังถูกขีปนาวุธแบบร่อนจำนวน 8 ลูกโจมตีเขตอุตสาหกรรมของเมืองโอเดสซาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

รายงานระบุว่า ระบบป้องกันของยูเครนสามารถสกัดการโจมตีไว้ได้ ส่งผลให้ขีปนาวุธจำนวน 6 ลูกตกลงในทะเลดำ แต่อีก 2 ลูกหลุดรอดเข้ามาสร้างความเสียหายดังที่เห็นในภาพ

ในภาพรวมการสู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซียยังคงหนักหน่วง และยุทโธปกรณ์จากพันธมิตรชาติตะวันตกมีความสำคัญอย่างยิ่งในเวลานี้

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัสเซียเพิ่งจะใช้อาวุธไม้ตายอย่างขีปนาวุธคินซาล ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง โดยยิงรวดเดียวถึง 6 ลูก

อย่างไรก็ดี ยูเครนระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออตสามารถสกัดขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของรัสเซียได้ทั้งหมด

สิ่งที่เกิดขึ้นได้หักล้างคำกล่าวอ้างของรัสเซียที่เคยบอกว่า ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงชนิดนี้ไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศใดสามารถสกัดได้ ตลอดจนยืนยันประสิทธิภาพของระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่นแพทริออตของสหรัฐฯ

ด้านกองทัพยูเครนเผยฟุตเทจที่แสดงให้เห็นว่า ทหารยูเครนสามารถทำลายกองทหารของรัสเซียบริเวณแนวรบใกล้กับเมืองบัคมุตได้

ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ระบุว่า ยูเครนรุกคืบและยึดพื้นที่จากรัสเซียได้เพิ่มในเมืองบัคมุต โดยเป็นพื้นที่ทางตะวันออกของเมือง

ความคืบหน้าของการประชุม G7 ในวันแรก ล่าสุดเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมามีแถลงการณ์จากชาติสมาชิกแล้วว่า รัสเซียต้องถอนทหารออกจากยูเครน โดยระบุว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากทหารและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียยังคงอยู่ในยูเครน นอกเหนือจากประเด็นสงครามยูเครนแล้ว ในการประชุมวันนี้ยังมีประเด็นทางเศรษฐกิจด้วย โดยเป็นการหารือถึงการนำ AI เข้ามาใช้งานมากขึ้นในอุตสาหกรรม แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นต้องรอสรุปผลการประชุมหลังวันอาทิตย์นี้

อย่างไรก็ตามแม้การประชุม G7 จะเป็นวาระสำคัญระดับโลก แต่คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับการประชุม

จากภาพคือท้องถนนในเมืองฮิโรชิมะ ประชาชนจำนวนหนึ่งออกมารวมตัวประท้วงการจัดประชุม G7 ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เรื่อยมาจนถึงช่วงกลางวันของวันนี้

นอกจากนั้นคนญี่ปุ่นยังไปรวมตัวกันที่อนุสรณ์สถานสันติภาพ สัญลักษณ์ของความเสียหายจากระเบิดปรมาณูด้วย หลายคนชี้ว่า ไม่ต้องการให้สหรัฐฯ มีอิทธิพลเหนือญี่ปุ่น ในขณะที่บางฝ่ายกังวลว่า การประชุม G7 ที่ถูกพิจารณาว่า ไม่ต่างจากการแบ่งขั้วอำนาจระหว่างตะะวันออกและตะวันตกจะยิ่งทำให้โลกเกิดสงครามแทนที่จะเป็นความสงบตามที่ใครคาดหวัง